ใครที่เคยนั่งเครื่องบินข้ามประเทศน่าจะรู้ดีว่า “การเดินทางบนฟ้า” บางทีก็ไม่ได้โรแมนติกเหมือนในโฆษณา เพราะหลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ขาก็เริ่มชา หลังเริ่มเมื่อย แต่ลองคิดดูสิ…ถ้าต้องอยู่บนเครื่อง “นานกว่า 18 ชั่วโมง” แบบไม่แวะลงเลยล่ะ จะไหวไหม? วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง “เที่ยวบินที่ยาวที่สุดในโลก” ที่หลายคนฟังแล้วต้องอุทานว่า “โอ้โห บินได้ยังไงเนี่ย!”
เที่ยวบิน ที่ยาวที่สุดในโลกตอนนี้คืออะไร?
ณ ตอนนี้ (ปี 2025) แชมป์ยังตกเป็นของ Singapore Airlines เที่ยวบินSQ23 เส้นทาง สิงคโปร์ (SIN) – นิวยอร์ก (JFK) ซึ่งเป็นเที่ยวบิน ไร้จุดแวะพัก (non-stop) ที่ยาวที่สุดในโลกแบบทางการ ใช้เวลาบินประมาณ 18 ชั่วโมง 40 นาที แต่ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ ลมส่งดี บางครั้งอาจทำเวลาได้เร็วหน่อยเหลือแค่ราว 17 ชั่วโมงครึ่ง แต่โดยเฉลี่ยแล้วก็เกือบ 19 ชั่วโมงเต็ม ๆ อยู่ดี
พูดง่าย ๆ คือถ้าขึ้นเครื่องจากสิงคโปร์ตอนเที่ยงคืน พอลงที่นิวยอร์กอีกที…พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นของวันใหม่! เหมือนเดินทางข้ามโลกแบบในหนังไซไฟเลย
ระยะทางไกลแค่ไหน?
เส้นทางนี้มีระยะทางกว่า 15,300 กิโลเมตร หรือประมาณจาก “กรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่” สัก 20 รอบ!
ฟังแล้วอาจดูเวอร์ แต่มันเป็นเส้นทางที่ต้องบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ผ่านขั้วโลกเหนือบางช่วง และใช้เครื่องบิน Airbus A350-900ULR (Ultra Long Range) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับบินระยะไกลมาก ๆ
แล้วทำไมต้องบินไกลขนาดนั้น?
หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่แวะพักที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีให้ผู้โดยสารลงเดินยืดเส้นยืดสายบ้าง คำตอบก็คือ ความคุ้มค่าและความสะดวกของผู้โดยสาร นั่นเอง เพราะการแวะพักต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งน้ำมัน ค่าธรรมเนียมสนามบิน และเวลาที่เสียไปกับการขึ้น-ลงอีกครั้ง ซึ่งสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางบ่อย การบินตรงรวดเดียวถึงปลายทางคือสวรรค์ชัด ๆ
Singapore Airlines จึงเปิดเส้นทางนี้ตั้งแต่ปี 2018 แล้วอัปเกรดเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “ความหรูหราและอึดถึก” ในวงการการบินเลยก็ว่าได้
บนเครื่องมีอะไรให้ทำบ้าง 18 ชั่วโมงเนี่ย?
การจะให้นั่งเฉย ๆ นานขนาดนั้นมันคงไม่ไหวแน่ ๆ เพราะฉะนั้นสายการบินก็จัดเต็มสุด ๆ เช่น
- ที่นั่งแบบ Premium Economy และ Business Class เท่านั้น ไม่มี Economy ปกติ (เพราะจะอึดอัดเกินไป)
- อาหารจัดเป็นมื้อหลัก + ของว่างหลายรอบ มีให้เลือกแบบสุขภาพด้วย
- มีระบบความบันเทิงส่วนตัว หนัง เพลง เกม ให้เลือกเป็นร้อย ๆ เรื่อง
- มีชุดนอน เครื่องนอน หมอนผ้าห่มครบ
- พนักงานจะคอยดูแลเรื่องสุขภาพ เช่น เตือนให้ดื่มน้ำ หรือแนะนำการยืดกล้ามเนื้อระหว่างทาง
บางคนถึงกับบอกว่า “อยู่บนเครื่องนี่เหมือนอยู่โรงแรมบนฟ้า” ต่างกันแค่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวเท่านั้นเอง
แล้ว เที่ยวบิน นี้มีเส้นทางอื่นที่ใกล้เคียงไหม?
มีสิ! หลายสายการบินพยายามท้าชิงตำแหน่ง “เที่ยวบินที่ยาวที่สุดในโลก” อยู่เหมือนกัน เช่น
- Qantas (ออสเตรเลีย) เส้นทาง ซิดนีย์ – ลอนดอน ใช้เวลาประมาณ 19 ชั่วโมงตรง ๆ (โครงการ Project Sunrise กำลังจะเปิดเต็มรูปแบบในปี 2026)
- Air New Zealand เส้นทาง โอ๊คแลนด์ – นิวยอร์ก ประมาณ 17 ชั่วโมง 30 นาที
- Cathay Pacific มีแผนจะเปิดเส้นทาง ฮ่องกง – นิวยอร์ก เส้นทางเหนือโลก ที่ใช้เวลาราว ๆ 17–18 ชั่วโมง
พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้ใครอยาก “ดูหนังจบทั้งซีรีส์ในไฟลต์เดียว” นี่คือโอกาสทองเลย
ปัญหาที่ต้องเจอในการบินไกลขนาดนี้
ไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อยก้นหรือขี้เกียจลุกเดินนะ แต่มีหลายอย่างที่สายการบินต้องรับมือ เช่น
- น้ำหนักและปริมาณน้ำมัน – เครื่องต้องบรรทุกน้ำมันเพิ่มขึ้นมากเพื่อบินได้ไกล ทำให้ต้องลดน้ำหนักส่วนอื่น เช่น ที่นั่ง Economy หรือสัมภาระผู้โดยสาร
- ผลกระทบต่อร่างกายผู้โดยสาร – การอยู่ในความกดอากาศต่ำเป็นเวลานานอาจทำให้เหนื่อย เพลีย หรือ Jet Lag หนักมาก
- การจัดการลูกเรือ – นักบินและพนักงานต้องผลัดเปลี่ยนกันพักอย่างเป็นระบบ โดยมีพื้นที่พักเฉพาะซ่อนอยู่ด้านบนของห้องโดยสาร
แต่ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็น “ความท้าทายของเทคโนโลยีการบิน” ที่ทำให้มนุษย์เราเดินทางข้ามโลกได้สะดวกขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แล้วคนทั่วไปบินได้ไหม หรือแพงเกินไป?
จริง ๆ แล้วใครก็จองได้ แต่ราคาตั๋วของเที่ยวบินแบบนี้จะสูงกว่าเที่ยวบินปกติแน่นอน เพราะส่วนใหญ่มีแต่ที่นั่ง Business กับ Premium Economy
- ราคาเริ่มต้นอยู่ราว ๆ 120,000 – 200,000 บาท (ไปกลับ)
- ถ้าขึ้น Business Class ก็แตะ 300,000 บาท ได้ง่าย ๆ
แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสบการณ์แบบนี้มันไม่เหมือนใครจริง ๆ ใครที่อยากลองนั่งยาว ๆ ชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกบนฟ้า 2 รอบในไฟลต์เดียว ก็ถือว่าคุ้มค่าในเชิงประสบการณ์ชีวิตเลย
แล้วถ้าเราอยากลองทำลายสถิติล่ะ?
ข่าวดีคือ Qantas Airways จากออสเตรเลียกำลังจะเปิดเส้นทางใหม่ที่อาจ “แซงสิงคโปร์แอร์ไลน์” ได้ในเร็ว ๆ นี้ ภายใต้ชื่อโครงการ Project Sunrise
เส้นทาง ซิดนีย์ – ลอนดอน และ ซิดนีย์ – นิวยอร์ก จะใช้เวลาเกือบ 19 ชั่วโมงครึ่ง หรือเรียกว่า “บินวนโลกครึ่งรอบ” ยังไม่夠夸张!
Qantas ใช้เครื่องบิน Airbus A350-1000 ที่ดัดแปลงพิเศษ มีโซนออกกำลังกายเล็ก ๆ และไฟปรับตามช่วงเวลา (Circadian Light) เพื่อช่วยลด Jet Lag ด้วย นี่แหละอนาคตของการบินไกลจริง ๆ
เคล็ดลับเอาตัวรอดบนไฟลต์ยาว
ถ้าใครมีแพลนจะนั่งเที่ยวบินยาวระดับนี้ ลองจดเคล็ดลับนี้ไว้เลย:
- เตรียมหมอนรองคอ และผ้าปิดตา เพื่อหลับให้สบายขึ้น
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ
- ลุกเดินยืดขาบ้างทุก 2–3 ชั่วโมง ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน
- ตั้งนาฬิกาตามเวลาปลายทางตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อให้ร่างกายเริ่มปรับเวลาได้เร็ว
- โหลดซีรีส์หรือเพลย์ลิสต์เพลงที่ชอบ เผื่อระบบบนเครื่องไม่ถูกใจ
จะได้เปลี่ยนไฟลต์ 18 ชั่วโมงให้กลายเป็น “วันพักผ่อนบนฟ้า” แทนที่จะเป็น “การทรมานอันยาวนาน”
สรุป: เที่ยวบินที่ยาวที่สุดในโลกตอนนี้
- สายการบิน: Singapore Airlines
- เส้นทาง: สิงคโปร์ – นิวยอร์ก (JFK)
- ระยะทาง: ประมาณ 15,300 กิโลเมตร
- เวลาบิน: ราว 18 ชั่วโมง 40 นาที
- เครื่องบิน: Airbus A350-900ULR
- เปิดให้บริการ: ตั้งแต่ปี 2018
เที่ยวบินนี้คือสัญลักษณ์ของ “ความสามารถของมนุษย์ในการเอาชนะระยะทาง” จากจุดหนึ่งของโลกไปยังอีกซีกโลกโดยไม่ต้องแวะพักเลย
สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเป็นสายเที่ยว สายทำงาน หรือแค่ฝันอยากบินข้ามโลกสักครั้ง เรื่องราวของเที่ยวบินที่ยาวที่สุดในโลกนี้ก็บอกเราได้ดีว่า “ไม่มีระยะทางไหนไกลเกินเทคโนโลยีและความตั้งใจของมนุษย์” จริง ๆ
ถ้ามีโอกาสได้ลองบินสักครั้งก็คงเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสุด ๆ — ได้ทั้งวิวบนฟ้า หนังหลายเรื่อง และเวลาอยู่กับตัวเองยาวนานแบบไม่ต้องวุ่นวายกับใคร
และถ้าอยากเปลี่ยนจากการบินไกล มาลุ้นรางวัลใหญ่แทน
ลองเล่นหวยออนไลน์กับ Global Lotto ดูสิ! เว็บตรงที่เล่นง่าย จ่ายจริง ถูกกฎหมาย มีครบทุกหวยทั้งไทย ลาว ฮานอย ยี่กี และหวยไว 1 นาที บินไม่ต้อง แต่ลุ้นได้ทุกวัน สมัครเลยที่ Global Lotto แล้วมาร่วมสนุกกัน!